คำถามที่พบบ่อยในการถ่ายวิดีโอ: 8K, 4K และ Full HD คืออะไร มีวิธีใช้อย่างไร ส่งระบบดิจิตอลทีวีได้ไหม4K

คำถามที่พบบ่อยในการถ่ายวิดีโอ: 8K, 4K และ Full HD คืออะไร มีวิธีใช้อย่างไร ส่งระบบดิจิตอลทีวีได้ไหม4K

เนื่องจากการสตรีมวิดีโอและแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น การสร้างสรรค์วิดีโอจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเรามากกว่าที่เคยเป็นมา ถึงแม้ว่าแต่เดิมกล้องแบบถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ได้รับการพัฒนามาเพื่อการถ่ายภาพนิ่ง แต่ปัจจุบันนี้ถือเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่กล้องชนิดนี้จะต้องมีความสามารถในการบันทึกวิดีโอ และด้วยความละเอียดที่สูงขึ้นเรื่อยๆ หากจะถามว่า ความละเอียดอย่าง 4K หรือ 8K คืออะไร แล้วเพราะเหตุใดและเมื่อใดจึงจะมีความสำคัญ ก็ต้องมาหาคำตอบกันในบทความนี้

ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับความละเอียดของวิดีโอ

ความเป็นมาของมาตรฐานความละเอียดในวิดีโอ

ในการถ่ายภาพนิ่งนั้น ไม่มีมาตรฐานที่แน่นอนเกี่ยวกับความละเอียดพิกเซลของภาพที่คุณถ่าย แต่จะแตกต่างกันไปตามกล้องแต่ละรุ่น โดยขึ้นอยู่กับเซนเซอร์ภาพ ถึงแม้คุณจะพิมพ์ภาพออกมา ก็อาจมีขนาดกระดาษมาตรฐาน เช่น 3R หรือ A4 แต่ไม่มีเกณฑ์มาตรฐานที่ชี้ชัดว่าภาพพิมพ์ขนาด A4 จะต้องพิมพ์ด้วยขนาด 300 จุดต่อนิ้วเพื่อให้สอดคล้องกับขนาด A4

แต่สำหรับการผลิตวิดีโอนั้นจะต่างออกไป วิดีโอมีต้นกำเนิดมาจากภาพยนตร์และการแพร่ภาพทางโทรทัศน์ ซึ่งมีการพัฒนามาตรฐานความละเอียดในการแสดงผลขึ้นตั้งแต่ต้นเพื่อให้เกิดความสอดคล้องกันทางเทคนิคทั่วทั้งอุตสาหกรรมนี้ ตัวอย่างเช่น ไม่ว่าหน้าจอจริงจะมีขนาดเท่าใด โทรทัศน์ทุกรุ่นที่รองรับมาตรฐานเฉพาะนั้นๆ ก็จะแสดงผลภาพโดยใช้จำนวนพิกเซลที่เท่ากัน ดังนั้น คำว่า “Full HD” จึงไม่ได้หมายถึงวิดีโอที่มีความคมชัดสูงมากเพียงอย่างเดียว แต่ยังเจาะจงถึงความละเอียดของวิดีโอที่มี 1920×1080 พิกเซลอีกด้วย

ขณะนี้ Full HD เป็นความละเอียดที่ได้รับการรองรับอย่างกว้างขวางที่สุด แล้วความละเอียดระดับ 4K ขึ้นไปเป็นอย่างไรบ้าง

ปัจจุบัน โทรทัศน์ดิจิตอลกำลังเป็นที่นิยม และมักจะมีความละเอียดหน้าจออยู่ที่ 1920×1080 พิกเซล (อัตราส่วนภาพ: 16:9) ความละเอียดระดับนี้ถือว่าเป็นรูปแบบ Full HD (Full-spec High Definition) และยังอาจเรียกว่า “1080p” ด้วยเช่นกัน คุณอาจสังเกตเห็นว่าจอคอมพิวเตอร์และจอแล็ปท็อปหลายรุ่นรองรับความละเอียดดังกล่าว รวมทั้งยังรองรับโดยรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลดิจิตอลแบบ Blu-ray Disc อีกด้วย เนื่องจากมีแพลตฟอร์มเล่นภาพแบบ Full HD อยู่มากมาย คุณอาจแย้งได้ว่าเราไม่จำเป็นต้องมีความละเอียดที่สูงไปกว่านี้

อย่างไรก็ตาม มีจอโทรทัศน์และจอคอมพิวเตอร์ที่รองรับการแสดงผลแบบ 4K มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมีความละเอียดมากกว่า Full HD ถึงสี่เท่า นอกจากนี้ วิดีโอยังเป็นสื่อที่ผู้คนมักจะเปิดดูแม้เวลาจะผ่านไปหลายปีแล้วก็ตาม ด้วยเหตุนี้ การบันทึกด้วยความละเอียดสูงๆ จึงช่วยให้สามารถเก็บฟุตเทจให้ใช้ได้ในอนาคตได้ ทำให้มั่นใจว่าความทรงจำที่บันทึกไว้ในฟุตเทจนั้นจะสามารถนำมาเปิดดูได้อย่างคมชัดเป็นระยะเวลานานขึ้น

 

รูปแบบความละเอียดของวิดีโอหลักๆ ในตอนนี้คืออะไร

ข้อเท็จจริงที่น่าประหลาดใจ: 4K DCI มีความละเอียดเพียง 8.84 ล้านพิกเซลเท่านั้น!

รูปแบบ
ความละเอียดในแนวนอน
ความละเอียดในแนวตั้ง
จำนวนพิกเซลทั้งหมด
การใช้งานที่สำคัญ
SD 720 480 0.34 ล้านพิกเซล ทีวีอะนาล็อก, วิดีโอแบบดีวีดี
HD 1280 720 0.92 ล้านพิกเซล การสตรีมออนไลน์
FHD 1920 1080 2.07 ล้านพิกเซล ทีวีดิจิตอล, Blu-ray, การสตรีมออนไลน์
2K 2048 1080 2.21 ล้านพิกเซล ภาพยนตร์ดิจิตอล
4K UHD 3840 2160 8.29 ล้านพิกเซล โทรทัศน์, การสตรีมออนไลน์, 4K Ultra HD Blu-ray
4K DCI 4096 2160 8.84 ล้านพิกเซล ภาพยนตร์ดิจิตอล
8K UHD 7680 4320 33.17 ล้านพิกเซล ฟุตเทจดิบ, ฟุตเทจจดหมายเหตุ, เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และการวิจัย
8K DCI 8192 4320 35.38 ล้านพิกเซล ฟุตเทจดิบ, ฟุตเทจจดหมายเหตุ, เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และการวิจัย

คุณอาจสังเกตเห็นว่าความละเอียดของวิดีโอมีขนาดเล็กเพียงใดเมื่อเทียบกับความละเอียดของการถ่ายภาพ แม้แต่วิดีโอ 4K ที่ถือว่ามีคุณภาพสูงมากก็มีความละเอียดอยู่ประมาณ 8 ล้านพิกเซลเท่านั้น! พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ หลังจากพิจารณาอัตราส่วนภาพแบบต่างๆ แล้ว แค่คุณมีกล้องที่มีความละเอียดประมาณ 10 ล้านพิกเซล ก็ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ ในปัจจุบันนี้ แม้แต่กล้องระดับเริ่มต้นก็มีความละเอียดประมาณ 20 ล้านพิกเซล ดังนั้น ความสามารถในการถ่ายวิดีโอ 4K จึงกลายเป็นคุณสมบัติที่ค่อนข้างหาได้ทั่วไป


อย่าลืม: ยิ่งความละเอียดสูง ยิ่งต้องจัดการกับข้อมูลมากขึ้น

หากกล้องของคุณสามารถทำได้ การถ่ายภาพด้วยความละเอียดที่สูงกว่าที่วัตถุประสงค์ของคุณต้องการจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการปรับแต่งภาพ เพราะคุณจะมีอิสระในการครอปเฟรมมากขึ้น และยังมีพิกเซลมากขึ้นให้ดึงข้อมูล ซึ่งจะสามารถให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นในกระบวนการตัดต่อต่างๆ เช่น การเกลี่ยสี

แต่การจัดการกับข้อมูลเพิ่มเติมทั้งหมดนั้นจะต้องใช้สมรรถนะในการประมวลผลและความจุในการจัดเก็บข้อมูลมากขึ้น ดังนั้น อย่าลืมพิจารณาปัจจัยเหล่านี้เวลาที่คุณตัดสินใจว่าจะถ่ายด้วยความละเอียดเท่าใด

 

DCI กับ UHD แตกต่างกันอย่างไร

ตัว “K” ใน 4K ย่อมาจาก “kilo” ซึ่งหมายถึงการคูณด้วย 1000 ดังนั้น “4K” โดยทั่วไปแล้วจึงหมายถึงความละเอียดที่ประมาณความกว้าง 4,000 พิกเซล ทั้งนี้มีมาตรฐานความละเอียด 4K หลายแบบ แต่ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในขณะนี้คือ 4K UHD และ 4K DCI

4K DCI: มีต้นกำเนิดจากภาพยนตร์
มาตรฐาน 4K DCI (4096×2160) กำหนดขึ้นในปี 2005  ซึ่งเป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นโดยสตูดิโอภาพยนตร์รายใหญ่หลายแห่งเพื่อกำหนดมาตรฐานในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ มาตรฐานดังกล่าวมีอัตราส่วนภาพอยู่ที่ 1.9:1 ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐาน 2K (2048×1080) ที่เคยใช้กันทั่วไปในเครื่องฉายภาพยนตร์ก่อนที่จะมีความละเอียด 4K

4K UHD: มีต้นกำเนิดจากการแพร่ภาพทางโทรทัศน์
มาตรฐาน 4K UHD (Ultra High Definition) เกิดขึ้นหลังจากนั้นมากในระหว่างที่อุตสาหกรรมการแพร่ภาพทางโทรทัศน์กำลังพิจารณาการแพร่ภาพด้วยความละเอียด 4K มีขนาด 3840×2160 อีกทั้งยังมีอัตราส่วนภาพ 16:9 เช่นเดียวกับ Full HD จึงทำให้สามารถใช้งานร่วมกับโทรทัศน์ที่มีอยู่ได้

ความแตกต่างดังกล่าวมีความสำคัญอย่างไรต่อการบันทึกวิดีโอ
หากคุณต้องการให้วิดีโอของคุณสามารถรับชมได้บนโทรทัศน์ 4K กล้องที่บันทึกภาพด้วยความละเอียด 4K UHD ก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่ 4K DCI มีความละเอียดในแนวนอนสูงกว่า 4K UHD ดังนั้น กล้องที่บันทึกแบบ 4K DCI ได้นั้นไม่เพียงแต่บันทึกแบบ 4K ที่เหมาะกับโรงภาพยนตร์ได้เท่านั้น แต่ยังสามารถบันทึกแบบ 4K UHD คุณภาพสูงที่เหมาะกับโทรทัศน์ 4K ได้โดยไม่ลดทอนคุณภาพของภาพแม้จะมีการครอป

 

วิดีโอ 8K: ความละเอียดที่รองรับอนาคต

เช่นเดียวกับ 4K มาตรฐานสำหรับ 8K มีอยู่สองแบบหลักๆ ได้แก่ 8K UHD และ 8K DCI แต่จุดที่ต่างจาก 4K ก็คือ ยังไม่มีจอภาพ 8K วางจำหน่ายสำหรับผู้บริโภคทั่วไป จะต้องใช้เวลาสักพักก่อนที่ผู้ใช้ทั่วไปจะสามารถดูวิดีโอ 8K ได้อย่างเต็มที่

ความละเอียด 8K มีดีอย่างไร

เสน่ห์ของ 8K อยู่ที่ความสมจริงยิ่งขึ้น ซึ่งเกิดจากรายละเอียดที่ถูกบันทึกด้วยความละเอียดที่สูงขึ้น มนุษย์สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้แบบสามมิติเนื่องจากปัจจัยบางอย่าง ซึ่งรวมถึง
– ความต่างที่สองตา: ความแตกต่างระหว่างภาพที่ดวงตาข้างซ้ายกับข้างขวามองเห็น
– ช่วงไดนามิกเรนจ์: ช่วงของโทนสีตั้งแต่ส่วนที่สว่างไปจนถึงส่วนเงาที่สามารถรับรู้ได้
– ความคมชัด: ความสามารถในการรับรู้รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับความละเอียดพิกเซลของภาพ

ภาพ 8K มีพิกเซลอยู่ประมาณ 35 ล้านพิกเซล ซึ่งว่ากันว่ามีความคมชัดใกล้เคียงกับความคมชัดสูงสุดที่สายตาของมนุษย์สามารถรับรู้ได้ ดังนั้น การรับชมวิดีโอ 8K ในความละเอียดสูงสุดจึงควรจะให้ความรู้สึกถึงความมีมิติที่สมจริงมาก ถึงแม้ว่าฟุตเทจจะไม่ใช่สามมิติ

เนื่องจากการแพร่ภาพ 8K ยังอยู่ในขั้นทดลอง ขณะนี้วิดีโอ 8K จึงถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการบันทึกเอกสารจดหมายเหตุเป็นหลัก (เช่น เพื่อบันทึกมรดกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ) และการวิจัยทางการแพทย์ ฟุตเทจ 8K สามารถนำไปใช้เป็นเนื้อหาดิบสำหรับการผลิตวิดีโอ 4K (หรือต่ำกว่า) เนื่องจากสามารถครอปเป็นความละเอียดดังกล่าวในขั้นตอนการปรับแต่งภาพเพื่อสร้างเอฟเฟ็กต์การซูม การแพนกล้อง และการสไลด์แบบดิจิตอลได้โดยลดทอนคุณภาพของภาพน้อยที่สุด

 

สรุป

– Full HD, 4K DCI/UHD และ 8K DCI/UHD ล้วนเป็นมาตรฐานความละเอียด (ความคมชัด) ในการแสดงผล แต่ละมาตรฐานนี้หมายถึงรูปแบบภาพที่มีจำนวนพิกเซลในแนวนอนและแนวตั้งที่เฉพาะเจาะจง
– 4K DCI และ 8K DCI เป็นมาตรฐานในการถ่ายทำภาพยนตร์ และมีอัตราส่วนภาพ 1.9:1
– Full HD, 4K UHD และ 8K UHD เป็นมาตรฐานในการแพร่ภาพทางโทรทัศน์และมีอัตราส่วนภาพ 16:9
– ขณะนี้ Full HD เป็นมาตรฐานที่มีการรองรับอย่างกว้างขวางที่สุดโดยอุปกรณ์แสดงผลในครัวเรือน ส่วนการรองรับ 4K นั้นกำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
– 8K จะมอบความสมจริงอย่างมากเนื่องจากมีความคมชัดสูงเป็นพิเศษ ซึ่งว่ากันว่าใกล้เคียงกับขีดจำกัดในการรับรู้ของมนุษย์